อันตรายชั่วนิรันดร์จากวัคซีน RNA

1
13949

โดย นพ.สุจริต ภักดี, พญ. คารินา ไรส์ และ นพ. ไมเคิล พาลเมอร์

Original (English) Version, please see here

วัคซีน RNA แนวคิดวัคซีนอันแปลกใหม่

โครโมโซม เปรียบเสมือนหนังสือของสิ่งมีชีวิต ที่บันทึกสูตรของรหัสพันธุกรรมบน DNA ไว้เพื่อใช้ในการสร้างโมเลกุลโปรตีนต่างๆ หนังสือเล่มนี้จะถูกเปิดใช้งานเมื่อจำเป็น เพื่อเลียนแบบสูตรนั้นๆออกมา สารพันธุกรรมที่เลียนแบบมานั้นมีชื่อว่า mRNA ซึ่งมีหน้าที่ออกคำสั่งให้เซลล์ผลิตโปรตีน และจะถูกกำจัดออกไปหลังจากทำหน้าที่เสร็จสิ้น

วัคซีน RNA คือการเลียนแบบสูตรโครโมโซม ที่มีอายุที่สั้น เพื่อสั่งการให้มีการผลิตโปรตีนแอนติเจนตามที่ต้องการได้ เช่น โปรตีนหนามของเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ในการฉีดวัคซีนแต่ละครั้ง สารพันธุกรรมฉบับเลียนแบบดังกล่าว (โมเลกุล RNA) มากกว่าพันล้านฉบับ จะถูกนำเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งการผลิต mRNA ในจำนวนมากขนาดนี้จำเป็นต้องใช้สูตร DNA ในจำนวนมาก แล้วสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร? 

คำตอบอยู่ในตำราพื้นฐานของพันธุวิศวกรรมศาสตร์ DNA จำนวนพันๆ ล้านฉบับนั้นจะได้มาจากแบคทีเรียสูตรทั้งหลายนั้นจะถูกบันทึกในโครโมโซมของแบคทีเรียที่เรียกว่า พลาสมิด (Plasmid) โดยที่เวลาในการแบ่งเซลล์ของแบคทีเรียต่อครั้งอยู่ที่ประมาณ 20 นาที เท่ากับว่า จำนวนเซลล์ของแบคทีเรียจะเพิ่มขึ้นแปดเท่าทุกๆ 1 ชั่วโมง หมายความว่า เราสามารถผลิตพลาสมิดจากแบคทีเรียจำนวนนับไม่ถ้วนได้ภายในเวลาไม่กี่วัน ด้วยวิธีการ การเพาะเลี้ยงเซลล์ในสารเหลว (Fluid Culture)

การดัดแปลงหรือบิดเบือนพลาสมิด สามารถทำได้โดยง่าย สูตรแปลกปลอม เช่นยีนต่าง ๆ ที่นำรหัสโปรตีนของไวรัสไว้มาดัดแปลงใส่ในพลาสมิดได้และเมื่อแบคทีเรียเกิดการแบ่งเซลล์ขึ้น เราก็สามารถเก็บพลาสมิดจำนวนมากมาเป็นแม่แบบในการผลิต mRNA ได้

โมเลกุล RNA จะถูกบรรจุลงในเม็ดไขมันเล็กๆ ที่เรียกว่า อนุภาคไขมันนาโน (LNP หรือ Lipid Nano Particles) ส่วนประกอบหลักๆ ของ LNP ถูกสังเคราะห์ขึ้นโดยมนุษย์และอาจเป็นพิษร้ายแรงต่อร่างกาย สิ่งเหล่านี้ถูกห้ามใช้ในมนุษย์ก่อนปี ค.ศ. 2020 อย่างไรก็ตาม กฎที่ว่านี้กลับถูกละเมิดเนื่องจากการอนุมัติฉุกเฉินให้ใช้วัคซีนโควิด RNA 

LNP คือบรรจุภัณฑ์ที่สำคัญในการปกป้อง RNA จากการเสื่อมสภาพ เพื่อให้ RNA สามารถเดินทางเข้าสู่กระแสเลือดไปยังทุกส่วนของร่างกายได้ เม็ดไขมันนาโน LNP นี้ที่ทำหน้าที่เป็นม้าโทรจัน 

มันจะถูกดูดซึมโดยเซลล์ต่างๆ และปล่อยสิ่งที่อยู่ข้างในออกมา สิ่งที่ตามมาคือ การสร้างโปรตีนหนาม และการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย นำไปสู่การสร้างแอนติบอดีเฉพาะที่คาดกันว่าจะช่วยป้องกันการติดเชื้อในอนาคตได้

ความผิดพลาดมหันตภัย

ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายรู้และทำลายเซลล์ในร่างกายที่ผลิตโปรตีนแปลกปลอม เช่นเวลาที่เซลล์ติดเชื้อไวรัส ความสามารถในการรู้อะไรที่ไม่ใช่ตนนั้น เราได้รับมาตั้งแต่แรกเกิด เขาช่วยปกป้องเราตลอดชั่วชีวิตเพราะว่าเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัสจะถูกกำจัดออกไป สิ่งนี้ไม่สามารถถูกกดหรือกีดกันได้ ดังนั้นหาก mRNA ทำการถอดรหัสเพื่อสร้างโปรตีนแปลกปลอมในเซลล์ใด เซลล์นั้นๆ จะถูกโจมตีโดยระบบภูมิคุ้มกัน นี่แหละคือ ความผิดพลาดมหันตภัย ของแนวคิด mRNA 

จำนวน RNA บรรจุภัณฑ์ในการฉีดวัคซีนแต่ละครั้งนั้นมีขนาดมหึมา เหตุการณ์การโจมตีโดยภูมิคุ้มกันมากมายจะปะทุขึ้นทั่วทั้งร่างกาย ซึ่งจะหยุดได้ก็ต่อเมื่อการผลิตโปรตีนแปลกปลอมยุติลง แล้วสงครามนี้จะใช้เวลานานแค่ไหน? ใช่ที่ว่ากันว่าเพียงไม่กี่วัน ตามที่เหล่าผู้ผลิตวัคซีนและหน่วยงานกำกับดูแลคอยกล่าวอ้างอยู่ซ้ำๆ หรือไม่?

หายนะขั้นสูงสุด

มีการค้นพบที่น่าตกใจและขัดแย้งกับคำกล่าวอ้าง (ของหน่วยงาน) ด้านบนในช่วงปีที่ผ่านมา โปรตีนหนามและการอักเสบตามอวัยวะต่างๆ ถูกตรวจพบในช่วงหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนหลังการฉีดวัคซีน (1-3) และสิ่งนี่เกี่ยวข้องกับอาการป่วยขั้นรุนแรงและบ่อยครั้งถึงแก่ชีวิต (2,3) แล้วอะไรคือสาเหตุที่ทำให้การสร้างโปรตีนจากรหัส RNA และการอักเสบเหล่านี้เกิดขึ้นนานเช่นนี้?

คำตอบหนึ่งที่น่ากลัวจากการเปิดเผยล่าสุดโดย Mckernan และคณะ (4) กล่าวว่า ในกระบวนการผลิตวัคซีนนั้น mRNA ที่ถูกสร้างขึ้นต้องมีการนำแม่แบบของ พลาสมิด-DNA ออกจาก mRNA ก่อนที่จะบรรจุลงใน LNP  มิฉะนั้นพลาสมิดก็จะไปอยู่ในเม็ดไขมันด้วย McKernan ค้นพบว่าขั้นตอนอันสำคัญนี้ในการกำจัดพลาสมิด-DNA ไม่ได้ถูกดำเนินการอย่างรอบคอบ พลาสมิด-DNA ในปริมาณมหาศาลถูกพบในบรรจุภัณฑ์ (LNP) จะถูกส่งไปยังเซลล์อย่างแน่นอนและจะออกฤทธิ์การทำงานเป็นระยะเวลานาน 

การดูดซึมโครโมโซมแปลกปลอมที่มีฤทธิ์ในระดับเซลล์นั้นเทียบเท่าไม่น้อยกว่าการดัดแปลงพันธุกรรม นี่คงเป็นชะตากรรมของมนุษย์ที่ถูกฉีดบรรจุภัณฑ์พลาสมิดแบคทีเรีย ยิ่งไปกว่านั้น การรุกรานของยีนแปลกปลอมจะยั่วยุให้ระบบภูมิคุ้มกันโจมตีเซลล์ในร่างกาย กระบวนผลิตโปรตีนแปลกปลอมที่ต่อเนื่องและยาวนานนี้ จะทำให้ความเสียหายและการอักเสบต่ออวัยวะต่างๆ ทวีคูณ 

สิ่งนี้จะเกิดขึ้นทั่วทั้งร่างกาย ลิ่มเลือดจะเกิดเมื่อหลอดเลือดเสียหาย และเนื้อเยื่อจะตายจากการขาดออกซิเจน หัวใจเป็นอวัยวะหนึ่งที่ไม่สามารถผลิตเซลล์ทดแทนเซลล์ที่ตายไปได้ 

ใครบ้างที่ยังไม่เคยได้ยินเรื่องลึกลับของการเสียชีวิตกระทันหันจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก? พวกเขาคงเป็นเพียงคนกลุ่มน้อยเท่านั้น โรคหัวใจที่เกิดจากวัคซีนกลายเป็นเรื่องประจำวันในทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อีกอวัยวะหนึ่งที่ไม่สามารถสร้างเซลล์ทดแทนตัวเองได้คือสมอง ความเจ็บป่วยทางระบบประสาทและจิตเวชอาจตามมา ขึ้นอยู่กับว่าวัคซีนทำความเสียหายที่ส่วนไหน

โรคที่คล้ายคลึงกับโรคภูมิคุ้มกันโจมตีตนเองสามารถเกิดขึ้นพร้อมๆกันได้ในอวัยวะต่างๆ คุณลักษณะหลายประการของการบาดเจ็บจากการฉีดวัคซีนนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะและแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในเคสที่น่าสลดใจกับเด็กอายุ 14 ปี ที่เสียชีวิตด้วยอาการอักเสบของอวัยวะหลายส่วนอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน (5)

ความเสี่ยงจากการฉีดวัคซีนต่อภาวะเจริญพันธุ์และการสืบพันธุ์นั้นล้นหลาม วัคซีนที่ไปสะสมอยู่ในอวัยวะสืบพันธุ์อาจส่งผลให้ประสิทธิภาพในการเจริญพันธุ์ลดลง ได้โดยทันที การที่เซลล์รกดูดซึม RNA และ DNA ที่ไหลเวียนในร่างกายสามารถก่อให้เกิดการเสียชีวิตของทารกในครรภ์ ความเสียหายของรกอาจทำให้ยีนที่ถูกบรรจุไว้เข้าสู่ระบบไหลเวียนของทารกในครรภ์ได้ เสต็มเซลล์ (Stem Cell) ในเลือดในสายสะดือ (Umbilical Cord) จะลดลงและบกพร่องหลังการฉีดวัคซีน (6) เรื่องนี้ต้องตระหนักเนื่องจากทารกที่อยู่ในครรภ์ของมารดาได้รับผลกระทบไปด้วย อีกทั้ง LNP พร้อมของแปลกปลอมเหล่านี้จะสะสมอยู่ในน้ำนมของมารดาอีกด้วย (7) ในสัปดาห์แรกๆ ทารกแรกเกิดมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะลำไส้รั่ว (8) และมีความเป็นไปได้อันเลวร้ายที่การให้นมของมารดาจะส่งผลให้วัคซีนผ่านเข้าสู่ทารกโดยตรงซึ่งอาจกระตุ้นกลไกที่นำไปสู่การเสียชีวิต

จริงอยู่ว่าในทางทฤษฎี การนำพลาสมิด DNA เข้าสู่หนังสือของสิ่งมีชีวิต (นั่นคือโครโมโซม) นั้นสามารถทำได้ แต่ในทางปฏิบัติ การนำพลาสมิดเข้าสู่ร่างกายผ่านการฉีดวัคซีนนั้น จะมีผลกระทบตามมาแบบไม่มีที่สิ้นสุด การไปรบกวนกระบวนการแบ่งเซลล์และกระบวนการเปลี่ยนสภาพเซลล์ที่ดีอยู่แล้ว อาจนำไปสู่มะเร็งได้ อีกทั้ง การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในเซลล์สเปิร์มและเซลล์ไข่อาจนำไปสู่ความผิดปกติที่สามารถถ่ายทอดไปสู่รุ่นลูกหลานและกำเนิดเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพัฒนาการผิดเพี้ยนไปจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ 

สรุป

การบาดเจ็บที่กว้างขวางและต่อเนื่องต่อเนื้อเยื่อและหลอดเลือดต้องถูกคาดการว่าจะเกิดขึ้นจากการโจมตีของระบบภูมิคุ้มกันในเซลล์ที่สร้างโปรตีนหนามการโจมตีนี้เกิดขึ้นเพราะสไปค์โปรตีนไม่ใช่เซลล์ของตนละเนื่องจากวัคซีน mRNA นั้นเต็มไปด้วยสิ่งแปลกปลอมนี้ เราก็ต้องคาดการว่ามันจะก่อให้เกิดอันตรายด้วยกลไกเดียวกันและในระดับที่ใกล้เคียงกันสถานการณ์เลวร้ายเหล่านี้จะแย่ลงทุกๆครั้งที่มีการฉีดเข็มกระตุ้น

ยิ่งไปกว่านั้น ให้ยึดถือการมีปนเปื้อนของพลาสมิด-DNA ในวัคซีนเป็นกฎและไม่ใช่เป็นข้อยกเว้น เนื่องจากไม่มีขั้นตอนการแยกพลาสมิดออกจาก RNA ใดในการผลิตแบบจำนวนมาก สามารถทำได้โดยคุ้มทุนและเชื่อถือได้

การนำโครโมโซมแปลกปลอมเข้าร่างกายเท่ากับการดัดแปลงของจีโนม การโจมตีเซลล์ตนเองโดยภูมิคุ้มกัน ที่ยาวนานจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

นอกจากนี้ ควรคาดการณ์การปนเปื้อนของพลาสมิด DNA ในโครโมโซม นำไปสู่ การทำลายอย่างถาวรของกระบวนการของเซลล์ทั้งหลายแหล่ จำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งอาจเพิ่มขึ้น อายุขัยของมนุษย์อาจลดลง เรื่องราวร้ายๆ อาจเกิดขึ้นกับผู้คนนับไม่ถ้วน และหนึ่งในนั้นอาจเป็นคนที่เรารัก ดังนั้น พวกเราต้องช่วยกันหยุดสิ่งนี้

แวดวงการแพทย์จึงควรตระหนักรู้เรื่องนี้โดยทั่วกันและต้องลงมือจัดการเพื่อยุติการฉีดยา RNA เสียที

References

  • (1) Bansal S. et al. (2021) Cutting Edge: Circulating Exosomes with COVID Spike Protein Are Induced by BNT162b2 (Pfizer-BioNTech) Vaccination prior to Development of Antibodies: A Novel Mechanism for Immune Activation by mRNA Vaccines. J Immunol 207:2405-2410.
  • (2) Mörz M. (2022) A Case Report: Multifocal Necrotizing Encephalitis and Myocarditis after BNT162b2 mRNA Vaccination against COVID-19. Vaccines 10:1651.
  • (3) https://doctors4covidethics.org/on-covid-vaccines-why-they-cannot-work-and-irrefutable-evidence-of-their-causative-role-in-deaths-after-vaccination/
  • (4) McKernan K. (2023) Sequencing of bivalent Moderna and Pfizer mRNA vaccines reveals nanogram to microgram quantities of expression vector dsDNA per dose. https://osf.io/b9t7m/
  • (5) Nushida H. et al. (2023) A case of fatal multi-organ inflammation following COVID-19 vaccination. Leg Med 63: 102244.
  • (6) Estep B.K. et al. (2023) Skewed fate and hematopoiesis of CD34+ HSPCs in umbilical cord blood amid the COVID-19 pandemic. iScience 25: 105544.
  • (7) Hanna N. et al. (2022) Detection of Messenger RNA COVID-19 Vaccines in Human Breast Milk. JAMA Pediatr. 176:1268-1270.
  • (8) Weström B. et al. (2020) The Immature Gut Barrier and Its Importance in Establishing Immunity in Newborn Mammals. Front Immunol. 11:1153. Ein weiterer Fall von “total body disaster” (aehnlich 5) Kamura, Y. et al. (2022) Fatal thrombotic microangiopathy with rhabdomyolysis as an initial symptom after the first dose of mRNA-1273 vaccine: A case report. Int. J. Infect. Dis. 117:322-325 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/?term=35189339

1 COMMENT

  1. แล้วเรามีวิธีป้องกันโควิด โดยไม่ฉีดวัคซีนไหมคะอาจารย์

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here